ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กะเทยไทย VS กุลสตรีแบบเมคอินไทยแลนด์

ปรากฏการณ์แปลกอย่างหนึ่งในสังคมไทย ที่กะเทยอย่างชั้นต้องทำความเข้าใจกับสังคมไทยซ้ำแล้วซ้ำเหล่านั้นคือ เรื่องศีลธรรมจรรยา และคุณค่าของความเป็นหญิงไทย ซึ่งฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สังคมไทยเต็มไปด้วยศีลธรรมอันดีงาม และหญิงไทยที่ปฏิบัติตามศีลธรรมที่กำหนดขึ้นอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้เป็นหญิงไทยที่งามทั้งกายและใจดั่งแม่พลอยในเรื่องสี่แผ่นดิน หญิงใดกล้ายืนถลกผ้าถุงแล้วบอกว่า “ไม่” ย่อมถูกตราหน้าจากสังคมว่าเธอผู้นั้นเป็นหญิงชั่ว เสียชื่อตัวเองไม่พอ ยังสร้างความเสื่อมเสียให้กับครอบครัวที่ถูกมองว่าเลี้ยงบุตรสาวของตัวเองไม่ดี จนทำให้เสียชื่อเสียงถึงวงศ์ตระกูล สำหรับชั้นนั้น ผู้หญิงที่กล้าลุกขึ้นมาบอกว่า “ไม่” หรือ “ท้าทาย” อำนาจทางศีลธรรมของสังคมชายเป็นใหญ่ ที่มักจะกดทับความต้องการ จำกัดการแสดงออกอย่างเสรีทางกายและวาจาของผู้หญิง พวกเธอเหล่านั้นคือ “นักปฏิวัติ” เพราะสังคมไทยควรถูกตั้งคำถามว่าทำไมศีลธรรมจึงมุ่งเน้นเพื่อที่จะควบคุมผู้หญิงหรือความเป็นผู้หญิง และทำไมกฎระเบียบเหล่านั้นถึงต่างกันระหว่างชายหญิง

ในศตวรรษที่ 21 ที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ถูกพัฒนา ไปพร้อมๆกับการเรียกร้องสิทธิความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย และสิทธิของคนที่ไม่ใช่หญิงหรือชายที่ควรต้องมีความเท่าเทียมในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง สังคมไทยดูเหมือนจะก้าวอย่างล่าช้า เนื่องจากสังคมไทยภูมิใจในความเป็นไทย เพราะได้สร้างผู้หญิงไทยที่อ่อนหวานและรักนวลสงวนตัว สังคมไทยเปิดรับความเป็นวัฒนธรรมตะวันตก และใช้เทคโนโลยีของตะวันตก แต่ปิดรับเสียงตะโกนของนักปฏิวัติทางวัฒนธรรม นักสิทธิมนุษยชน และเหล่านักกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมที่ออกมาเรียกร้องสิทธิเท่าเทียมของชายหญิง และเพศอื่นๆ ในสังคม และประชาคมโลก กะเทยไทยอย่างชั้นได้แต่เฝ้าดูปรากฏการณ์ของสังคมไทยในกระแสโลกที่คนขาดสัญญาณ 3G หรือ 4G ไม่ได้อย่างขำไม่ออก เพราะสิ่งที่ชั้นเห็นคือความใจแคบของคนที่ใช้ศีลธรรมเพื่อควบคุมคนที่มีอำนาจน้อยกว่าในสังคม อย่างเช่นกรณีดังของกะเทยสองคนที่ออกมาเต้นเปลือยในเพลง “แน่นอก”

กรณีน้องกะเทยเต้น “แน่นอก” สั่นคลอนบรรทัดฐานและศีลธรรมของสังคมไทย แน่นอนว่าน้องกะเทยทั้งสองถูกทำโทษทั้งทางกฎหมาย จากผู้เข้าชมคลิปเต้นเปลือยดังกล่าว และจากสื่อมวลชน ทั้งๆที่อำนาจในการชมเป็นของผู้ชม แต่ผู้ผิดผู้เดียวคือผู้ที่อยู่ในคลิปวีดีโอ ความคิดเห็นของผู้ชมต่อคลิปเต้นเปลือย “แน่นอก” ก็เต็มไปด้วยรุนแรง อคติ และสื่อให้เห็นฐานคิดเรื่องเพศที่คับแคบของสังคมไทย สำหรับชั้นน้องกะเทยทั้งสองได้ท้าทายความคิดเรื่องเพศแบบสองขั้วคือชายและหญิง เพราะน้องทั้งคู่ได้ทำให้ผู้ชมคลิปหลายคนฉงนสงสัยถึงความเป็นเพศ เนื่องจากพวกเขามีลักษณะทางกายไม่ต่างจากผู้หญิง (กล่าวคือมีหน้าอก รูปร่าง และอวัยวะเพศหญิง) ผู้ชมคลิปหลายคนคงเชื่อในตอนแรกว่าน้องทั้งคู่เป็นผู้หญิง หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเป็นผู้หญิงถึงกล้าเปิดเผยเนื้อตัวร่างกายแบบไร้ซึ่งความอาย ชั้นเชื่อว่า ผู้ชมคลิปเพศชายจำนวนไม่น้อยรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับการดูคลิปเต้นเปลือยนี้ จนกระทั่งมารู้ในภายหลังว่าน้องทั้งคู่ไม่ใช่ผู้หญิง น้องทั้งคู่ได้สั่นคลอนฐานคิดเรื่องความเป็นชายของผู้ชายที่ไม่ควรมีอารมณ์ทางเพศกับคนที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าผู้ชาย นี้อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ความคิดเห็นต่อคลิปวีดีโอดังกล่าวจากผู้ชมเพศชายเต็มไปด้วยคำพูดดูถูก เหยียดหยาม และแฝงด้วยความรุนแรงอย่างน่ากลัว

น้องทั้งคู่ยังท้าทายคุณค่าความเป็นหญิง หรือมารยาทของผู้หญิงตามหลักศีลธรรมแบบไทย ว่าการกระทำดังกล่าวของคนทั้งคู่เป็นการกระทำที่ไม่สมควร เนื่องจากน้องทั้งคู่ถูกมองจากผู้ชมคลิปว่ามีความเป็นผู้หญิง และมีลักษณะทางกายภาพของเพศหญิง ทำให้ผู้ชมหลายคนผูกความเป็นเพศเข้ากับมารยาทและคุณค่าของผู้หญิง คุณค่าที่สร้างมาเพื่อกดทับผู้หญิง และบุคคลที่ปรารถนาจะข้ามเพศเป็นหญิง ในทางตรงกันข้าม ถ้าน้องทั้งคู่ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายผู้หญิง เรื่องดังกล่าวคงกลายเป็นแค่ความตลกขบขันของผู้ชมคลิปวีดีโอนี้เท่านั้น

บางทีกะเทยอย่างชั้นอาจจะต้องมานั่งทบทวนใหม่ว่าถ้าชั้นจะสวยอย่างผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ได้รับของแถมคือการปฏิบัติตัวให้มีความเป็นหญิงตามที่สังคมไทยคาดหวัง ประหนึ่งซื้อแชมพูสระผมต้องซื้อครีมนวดผมนั้น ชั้นอาจจะขอสระผมกับแชมพูแบบไม่ใช้ครีมนวด เพราะชั้นไม่แน่ใจว่าชั้นจะสามารถเป็นกะเทยตามกรอบความเป็นหญิง เพราะกะเทยนักปฏิวัติทางวัฒนธรรมอย่างชั้นอยากเป็นผู้หญิงที่มีสิทธิเสรีภาพในเนื้อตัวร่างกายตัวเอง มีสิทธิแสดงออกทางกายและวาจาอย่างเสรี และไม่สยบยอมกับความอยุติธรรมระหว่างเพศ หรือความไม่เป็นธรรมที่หญิงทำไม่ได้แต่ชายเท่านั้นที่ทำได้

ปรากฏการณ์เต้นเปลือย “แน่นอก” ท้าท้ายบรรทัดฐานทางเพศ และคุณค่าเรื่องเพศตามมาด้วยบทลงโทษที่ไม่ยุติธรรมนัก ทั้งที่น้องกะเทยทั้งคู่ควรมีสิทธิสมบูรณ์ต่อเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง จะโชว์จิ๋มที่ตัวเองเสียเงินร่วมแสนหรือมากกว่าก็ควรจะเป็นสิทธิของคนทั้งคู่ รัฐที่ไม่เคยสนใจเรื่องจิ๋มกะเทย ไม่มีระบบสาธารณะสุขที่ให้บริการประชาชนกะเทยในประเทศ (ซึ่งแตกต่างจากประเทศทางตะวันตก ที่ระบบสาธารณะสุขครอบคลุมการบริการสุขภาพสำหรับคนข้ามเพศ) กลับอยากมีเอี่ยวด้วยเมื่อกะเทยลุกขึ้นมาโชว์จิ๋มที่รัฐไม่มีส่วนร่วม ด้วยการคาดโทษปรับ จำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ รัฐไทยใช้กรอบความเป็นหญิงควบคุมกะเทยที่เหมือนหญิง แต่ละเลยการคุ้มครองสิทธิพื้นฐานตามความต้องการของกะเทย เช่นการเปลี่ยนคำนำหน้านามกะเทย ที่หลายประเทศในตะวันตกอนุญาตให้คนข้ามเพศเปลี่ยนคำนำหน้า รวมถึงเปลี่ยนสูติบัตรในบางประเทศ เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนคนข้ามเพศเหล่านั้น

สังคมไทยกำลังผลิต “กุลสตรีไทย” ราวกับผลิต “ตุ๊กตาบาร์บี้” ที่มีความแตกต่างในเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม และเครื่องแต่งกาย ซึ่งสุดท้ายบาร์บี้ก็ต้องถูกจับลงกล่อง เสมือนกับหญิงไทยหรือบุคคลใดก็ตามที่นิยามว่าตนเป็นผู้หญิงหรืออยากจะเป็นผู้หญิงต้องใช้มาตรฐานทางศีลธรรมของไทยเพื่อจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหญิงไทยใจงาม (แต่ขาดเสรีภาพในการแสดงออกทางกายและวาจา) เพราะพวกเธอถูกกำหนดให้ต้องใส่เสื้อผ้าในชุดที่สังคมอยากเห็น แต่งหน้าทำผมให้งามแบบไทย รวมถึงมีกิริยาวาจาที่งามสง่าราวกับถูกตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไว้ ที่ร้ายไปกว่านั้นระบบตรวจสอบมาตรฐานทางศีลธรรมก็มีรอบด้านแบบ 360 องศา ตุ๊กตาตัวไหนไม่ผ่านมาตรฐานก็ถูกคัดออกเพราะเดี๋ยวจะทำให้เสียชื่อเสียงยี่ห้อสินค้าที่เมคอินไทยแลนด์

กะเทยอย่างชั้นไม่เห็นด้วยที่จะบอกว่าน้องกะเทยทั้งคู่ได้รับบทเรียนในความประพฤติที่ประมาทของตน แต่สังคมไทยควรคิดทบทวนปรากฏการณ์ดังกล่าวในมุมกลับ ซึ่งบางทีพวกเราทุกคนจะต้องกล่าวขอบคุณน้องกะเทยทั้งคู่ ที่ออกมาเต้นเปลือยเพลง “แน่นอก” พร้อมยกย่องให้พวกเธอเป็นนักปฏิวัติทางวัฒนธรรมแบบเมคอินไทยแลนด์



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 เหตุผลทำไมเราจึงต้องพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ (ในประเทศไทย)

ทำไมเราจึงต้องมาพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ: 1. เพราะเพศไม่ได้จำกัดแค่ชายและหญิง ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่ให้การยอมรับกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศในเชิงสังคมวัฒนธรรม ถึงขั้นคนต่างชาติยกย่องให้เป็น "the paradise of LGBT" หรือ ''สวรรค์ของเกย์ ชายรักชาย กะเทย คนข้ามเพศ ทอมดี้ หญิงรักหญิง และคนรักสองเพศ" ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านจากการยอมรับเชิงสังคมวัฒนธรรมเป็นการยอมรับเชิงกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับคนทุกเพศในสังคมไทย 2.การเปลี่ยนคำนำหน้านามของคนข้ามเพศในเอกสารราชการไม่ได้เป็น "สิทธิพิเศษ" น้อยครั้งมากที่บุคคลที่นิยามตัวเองว่าชายหรือหญิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตนถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่อง "ตัวตนทางเพศ" ของตนเองจากเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ในต่างประเทศ) และบุคคลทั่วไป เพราะตัวตนทางเพศไม่ได้ดูขัดแย้งกับคำนำหน้านามในบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และเอกสารสำคัญทางราชการ ในทางตรงกันข้าม กะเทย และคนข้ามเพศจะต้องตอบคำถามจากคนอีกจำนวนมากถึงความเป็นเพศ ตัวตนทา...

หยุด "กลัว" กะเทย

“เกิดเป็นกะเทยเสียชาติเกิด” “กรรมเก่า … ทำความดีในชาตินี้จะได้เกิดเป็นชายจริงหญิงแท้ในชาติหน้า” “กะเทยควาย กะเทยหัวโปก กะเทยลูกเจี๊ยบ …” “กะเทยห้ามบวช ห้ามเป็นทหาร ห้ามเป็นหมอ ห้ามเป็นครูอาจารย์ ห้ามแต่งหญิงในที่ทำงาน!!!” “กะเทยต้องแต่งหน้า ทำผมเก่ง เต้นเก่ง และ “โม๊ก” เก่ง … ต้องตลก และมีอารมณ์ขัน” ฉันเชื่อว่ากะเทยหลายคนเติบโตมากับเสียงสะท้อนเหล่านี้จากสังคม คนรอบข้าง และจากเพื่อนกะเทยด้วยกัน หลายครั้งชีวิตของคนคนหนึ่งไม่ได้มีอิสระในการเลือกตามความเข้าใจของพวกเรา เมื่อ “ความเป็นเรา” ถูกทำให้เป็นอื่น หรือ “แปลก” และ “แตกต่าง” ความเป็นเราจึงถูกจำกัดทำให้บางครั้งคนคนหนึ่งไม่สามารถเลือกได้ว่า จะใช้ชีวิตแบบใด หรือมีความสนใจในเรื่องใด เพราะเขาหรือเธอไม่อยาก “แปลก” หรือให้ใครเห็นว่าพวกเขา“ต่าง” จากคนอื่นๆ เมื่อการเป็นกะเทยถูกทำให้เป็นเรื่อง “แปลก” ในสังคมไทยที่พร้อมจะตัดสินความแปลกเป็นความ“ผิด” หรือ “ผิดปกติ” เสียงสะท้อนจากสังคม คนรอบข้าง รวมถึงกะเทยคนอื่นๆ จึงจำกัดจินตนาการ และวิถีชีวิตที่หลากหลายของการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ นอกจากนี้การตัดสินว่ากะเทยคนหนึ่งต้องทำหรือไม่ทำอ...

ถ้าวันหนึ่ง...

ถ้าวันหนึ่ง... ประชากรส่วนใหญ่บนโลกเป็นเกย์กะ เทยทอมดี้ ... คนรักต่างเพศจะเป็นคนกลุ่มน้อย ผู้ปกครองประเทศส่วนใหญ่เป็นผู้ หญิง ผู้ชายสามารถท้องแทนภรรยาด้วยนว ัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ห้องน้ำไม่แยกหญิงชาย แต่เป็นห้องน้ำ Unisex ที่ใครเพศใดจะเข้าก็ได้  คนสามารถเลือกเพศได้ในเอกสารทาง ราชการ ... เลือกที่จะเป็นนางสาวหรือนางก็ไ ด้เมื่อแต่งงาน ใครจะแต่งงานกับใครก็ได้ เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสอ งคน ศาสนาจะไม่ใช่เหตุผลของการทำสงค ราม ระบบการศึกษาจะมีบทเรียนเรื่องเ พศสำหรับเยาวชน ที่ครอบคลุมไปถึงเรื่องความเป็น เพศที่หลากหลาย ครูอาจารย์จะไม่ใช่ศูนย์กลางของ การเรียนการสอน แต่การศึกษาเป็นการสร้างการมีส่ วนร่วมของผู้เรียนและผู้สอน โดยผู้เรียนมีส่วนช่วยคิดแผนการ เรียน การนับถือศาสนาเป็นทางเลือก ศาสนาจะไม่ใช่เครื่องมือตัดสินค วามผิดถูก แต่เป็นสถาบันที่ช่วยพัฒนาความเ ป็นมนุษย์ และจิตวิญญาณของมนุษย์เพื่อนำไป สู่ความผาสุกของสังคม ประชาชนสามารถมีความคิดเห็นแตกต ่างทางการเมือง รัฐจะมีพื้นที่สำหรับคนที่เห็นต ่างได้แสดงออก (การเมืองแบบสองขั้วต่างเป็นการ เมืองที่ไม่สร้างสังคมประชาธิปไ ตย) ระบบสาธา...