ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

จดหมายรักถึงแม่กับป๊า

ถึง แม่กับป๊า ที่รักของลูก
               
หลายปีที่ผ่านมานี้ลูกได้เรียนรู้ที่จะเติบโตมากขึ้นจากการใช้ชีวิตในต่างประเทศที่เราไม่สามารถเรียกว่า “บ้าน” ได้อย่างเต็มปาก เพราะที่นี้ไม่ใช่บ้านของเรา ไม่ใช่บ้านเกิด และไม่ใช่ที่ที่ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ลูกก็ยังสนุกกับการใช้ชีวิตของลูกทุกวินาที และอุ่นใจทุกครั้งเมื่อมี แม่ ป๊า อาเจ๊ น้อง ให้คอยได้นึกถึงเสมอๆ ลูกได้เรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้นจากการใช้ชีวิตที่ต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้น นอกเหนือจากเงินทองที่ลูกยังจำเป็นต้องหามาเพื่อปลดเปลื้องความลำบากทางกายที่ต้องใช้ทรัพย์ทางกายภาพเหล่านั้นในการแลกเปลี่ยนให้ได้มาซึ่งความสบาย ลูกได้เรียนรู้ถึงสิ่งสำคัญมากอย่างหนึ่งในชีวิต นั้นคือ “ความรัก” ของแม่กับป๊า ที่ไม่ว่าลูกจะมีเงินทองมากมายแค่ไหน ลูกก็จะไม่สามารถหาซื้อได้ และความรักนี้ก็จะอยู่กับลูกไปตลอดทั้งชีวิตของลูก 

ลูกต้องขอกราบเท้าขอบพระคุณแม่กับป๊าที่มอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้ลูกได้ใช้เป็นพลังในการดำเนินชีวิตนี้ ความรักที่ทำให้ลูกได้นำมาใช้ในการต่อสู้กับความอยุติธรรมทางเพศที่ลูกไม่สามารถเลี่ยงได้ เนื่องจากการตัดสินทางเลือกในการดำเนินชีวิตอย่างที่ลูกเป็น แต่ทว่าลูกไม่เคยรู้สึกอ้างว้าหว่าเหว่หรือหมดแรงแม้ซักเสี้ยววินาที นั้นเป็นเพราะลูกรู้ว่า ลูกมีพลังที่มาจากจิตใจที่เข้มแข็งที่เกิดจากความรักความเข้าใจของแม่กับป๊าที่มอบให้ลูกเสมอมา พลังเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวลูกที่ใครก็จะพรากจากลูกไปไม่ได้ แม่กับป๊าได้มอบของขวัญแสนพิเศษมากกว่าแก้วแหวนเงินทองที่แม่กับป๊าให้ลูกมาตลอดอย่างไม่เคยขาด ของขวัญที่จะติดตัวไปจนสุดลมหายใจของลูก ของขวัญชิ้นนี้ที่ลูกสัมผัสด้วยมือไม่ได้ แต่รับรู้ได้ด้วยใจ เปรียบเสมือนเลือดแดงในกายลูกที่แม่กับป๊าเป็นผู้สร้างมันขึ้นเพื่อช่วยหล่อเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของลูก คู่ไปกับความรักของแม่กับป๊าที่ชุบเลี้ยงจิตวิญญาณและพลังภายในหัวใจของลูกคนนี้
         
ครั้งหนึ่งสมัยที่ลูกยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แม่เคยพูดว่า “แม่รักลูก และสามารถจะให้ลูกได้ทุกอย่าง ยกเว้นเดือนกับดาว” ลูกอยากจะบอกแม่กับป๊าว่า เดือนดาวไม่ได้สำคัญเลย และสิ่งของอื่นๆต่างเก่าและผุผังตามกาลเวลา แต่ความรักไม่เคยจางหาย แม่กับป๊าได้ทำหน้าที่ของพ่อแม่ได้อย่างดีที่สุด และทำหน้าที่นี้ได้ดีเสมอมานับตั้งแต่วันแรกที่ลูกลืมตาดูโลก แม้ว่าลูกอาจจะไม่สามารถรับรู้ถึงความยากลำบากของการมีลูก ความอดทนอดกลั้นในการเลี้ยงดูลูก และการเสียน้ำตาจากความผิดหวังที่มีต่อลูก แต่สิ่งหนึ่งที่ลูกรับรู้ได้คือการไม่เคยขาดความรักที่เป็นเสมือนสายใยให้ครอบครัวของเราเต็มไปด้วยความอบอุ่น และพลังมหัศจรรย์ที่วนเวียนอยู่รอบข้างเสมอ ลูกอยากให้แม่กับป๊าอุ่นใจได้ว่า ลูกจะสามารถผ่านพ้นกับอุปสรรคต่างๆที่เกิดจากอคติของสังคม จากความไม่เข้าใจของคนอื่นๆที่มีต่อความเป็นกะเทย และตัวตนที่เป็นกะเทยของลูก

ด้วยพลังความรักที่แม่กับป๊าได้มอบให้นี้ ลูกได้เติบโตและร่วมแบ่งปันความคิดความรู้สึกที่ดี อันเป็นผลผลิตของความรัก และการมีสายใยครอบครัวที่อบอุ่น กับคนรอบข้าง และกับโลกที่พวกเราอาศัยอยู่ ลูกกำลังใช้ชีวิตไปพร้อมกับการเรียนรู้ที่จะมอบความรักให้กับคนรอบข้างที่ลูกรักและเป็นห่วง แม้ว่าความรักของลูกจะไม่สามารถเทียบเท่าได้กับครึ่งหนึ่งของความรักที่แม่กับป๊าได้มอบให้ลูกคนนี้ พลังความรักของแม่กับป๊าทำให้ลูกระลึกเสมอว่าลูกจักต้องรักทะนุทนอมตัวลูกเอง และทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด เพราะถือว่า หน้าที่นี้คือหน้าที่รับผิดชอบต่อตัวเอง เพื่อเป็นการตอบแทนความรักของแม่กับป๊าที่ลูกคนนี้จะไม่สามารถตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้ได้หมด    

สุดท้ายนี้ลูกอยากจะบอกแม่กับป๊าว่า ลูกรักแม่กับป๊ามาก และความรักของลูกที่มีให้กับแม่กับป๊าจะเป็นดั่งลมหายใจที่อยู่กับลูกไปตลอดชีวิต ขอบคุณมากค่ะที่ทำให้ “ลูก” เป็น “ลูก” ในวันนี้ และรักในสิ่งที่ลูกเป็น

รักแม่กับป๊ามากที่สุด
    หยงฮั้ว    

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 เหตุผลทำไมเราจึงต้องพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ (ในประเทศไทย)

ทำไมเราจึงต้องมาพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ: 1. เพราะเพศไม่ได้จำกัดแค่ชายและหญิง ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่ให้การยอมรับกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศในเชิงสังคมวัฒนธรรม ถึงขั้นคนต่างชาติยกย่องให้เป็น "the paradise of LGBT" หรือ ''สวรรค์ของเกย์ ชายรักชาย กะเทย คนข้ามเพศ ทอมดี้ หญิงรักหญิง และคนรักสองเพศ" ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านจากการยอมรับเชิงสังคมวัฒนธรรมเป็นการยอมรับเชิงกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับคนทุกเพศในสังคมไทย 2.การเปลี่ยนคำนำหน้านามของคนข้ามเพศในเอกสารราชการไม่ได้เป็น "สิทธิพิเศษ" น้อยครั้งมากที่บุคคลที่นิยามตัวเองว่าชายหรือหญิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตนถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่อง "ตัวตนทางเพศ" ของตนเองจากเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ในต่างประเทศ) และบุคคลทั่วไป เพราะตัวตนทางเพศไม่ได้ดูขัดแย้งกับคำนำหน้านามในบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และเอกสารสำคัญทางราชการ ในทางตรงกันข้าม กะเทย และคนข้ามเพศจะต้องตอบคำถามจากคนอีกจำนวนมากถึงความเป็นเพศ ตัวตนทา...

หยุด "กลัว" กะเทย

“เกิดเป็นกะเทยเสียชาติเกิด” “กรรมเก่า … ทำความดีในชาตินี้จะได้เกิดเป็นชายจริงหญิงแท้ในชาติหน้า” “กะเทยควาย กะเทยหัวโปก กะเทยลูกเจี๊ยบ …” “กะเทยห้ามบวช ห้ามเป็นทหาร ห้ามเป็นหมอ ห้ามเป็นครูอาจารย์ ห้ามแต่งหญิงในที่ทำงาน!!!” “กะเทยต้องแต่งหน้า ทำผมเก่ง เต้นเก่ง และ “โม๊ก” เก่ง … ต้องตลก และมีอารมณ์ขัน” ฉันเชื่อว่ากะเทยหลายคนเติบโตมากับเสียงสะท้อนเหล่านี้จากสังคม คนรอบข้าง และจากเพื่อนกะเทยด้วยกัน หลายครั้งชีวิตของคนคนหนึ่งไม่ได้มีอิสระในการเลือกตามความเข้าใจของพวกเรา เมื่อ “ความเป็นเรา” ถูกทำให้เป็นอื่น หรือ “แปลก” และ “แตกต่าง” ความเป็นเราจึงถูกจำกัดทำให้บางครั้งคนคนหนึ่งไม่สามารถเลือกได้ว่า จะใช้ชีวิตแบบใด หรือมีความสนใจในเรื่องใด เพราะเขาหรือเธอไม่อยาก “แปลก” หรือให้ใครเห็นว่าพวกเขา“ต่าง” จากคนอื่นๆ เมื่อการเป็นกะเทยถูกทำให้เป็นเรื่อง “แปลก” ในสังคมไทยที่พร้อมจะตัดสินความแปลกเป็นความ“ผิด” หรือ “ผิดปกติ” เสียงสะท้อนจากสังคม คนรอบข้าง รวมถึงกะเทยคนอื่นๆ จึงจำกัดจินตนาการ และวิถีชีวิตที่หลากหลายของการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ นอกจากนี้การตัดสินว่ากะเทยคนหนึ่งต้องทำหรือไม่ทำอ...

ถ้าวันหนึ่ง...

ถ้าวันหนึ่ง... ประชากรส่วนใหญ่บนโลกเป็นเกย์กะ เทยทอมดี้ ... คนรักต่างเพศจะเป็นคนกลุ่มน้อย ผู้ปกครองประเทศส่วนใหญ่เป็นผู้ หญิง ผู้ชายสามารถท้องแทนภรรยาด้วยนว ัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ห้องน้ำไม่แยกหญิงชาย แต่เป็นห้องน้ำ Unisex ที่ใครเพศใดจะเข้าก็ได้  คนสามารถเลือกเพศได้ในเอกสารทาง ราชการ ... เลือกที่จะเป็นนางสาวหรือนางก็ไ ด้เมื่อแต่งงาน ใครจะแต่งงานกับใครก็ได้ เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสอ งคน ศาสนาจะไม่ใช่เหตุผลของการทำสงค ราม ระบบการศึกษาจะมีบทเรียนเรื่องเ พศสำหรับเยาวชน ที่ครอบคลุมไปถึงเรื่องความเป็น เพศที่หลากหลาย ครูอาจารย์จะไม่ใช่ศูนย์กลางของ การเรียนการสอน แต่การศึกษาเป็นการสร้างการมีส่ วนร่วมของผู้เรียนและผู้สอน โดยผู้เรียนมีส่วนช่วยคิดแผนการ เรียน การนับถือศาสนาเป็นทางเลือก ศาสนาจะไม่ใช่เครื่องมือตัดสินค วามผิดถูก แต่เป็นสถาบันที่ช่วยพัฒนาความเ ป็นมนุษย์ และจิตวิญญาณของมนุษย์เพื่อนำไป สู่ความผาสุกของสังคม ประชาชนสามารถมีความคิดเห็นแตกต ่างทางการเมือง รัฐจะมีพื้นที่สำหรับคนที่เห็นต ่างได้แสดงออก (การเมืองแบบสองขั้วต่างเป็นการ เมืองที่ไม่สร้างสังคมประชาธิปไ ตย) ระบบสาธา...