ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เมื่อทอมดี้กอดจูบกันบนรถไฟฟ้า...

จากปรากฏการณ์ทอมดี้กอดจูบกันบนรถไฟฟ้า ฉันมีความคิดเห็น (ส่วนตัว) ดังนี้

1. เราคิดว่าสังคมไทยกำลังจัดการกับปรากฏการณ์ลักษณะนี้โดยใช้กรอบศีลธรรมมาตัดสิน ซึ่งส่วนตัวมองว่ากรอบศีลธรรมเป็นกรอบที่แคบมาก เพราะจะจำกัดผลของการตัดสินแค่ "ผิด" หรือ "ถูก" การอธิบายความโดยใช้กรอบศีลธรรมไม่นำปัจจัยด้านอื่นๆ เช่นข้อจำกัดส่วนบุคคลและปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม มาใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์  แต่อธิบายโดยยึดบรรทัดฐาน ประเพณีนิยม และแบบแผนปฏิบัติ ละเลยการมองมนุษย์แบบมนุษย์ และไม่ตั้งคำถามกับประเพณี วัฒนธรรม บรรทัดฐานที่ล้วนถูกประกอบสร้างผ่านกาลเวลา และเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย กรอบศีลธรรมยังถูกใช้กดขี่กลุ่มคนที่มีอำนาจน้อยและมีความลำบากในการเข้าถึงทรัพยากรทางสังคม เช่น คนชนชั้นแรงงาน ผู้หญิงและเด็ก ผู้ใช้ยา พนักงานบริการ กะเทย ... กรอบศีลธรรมจึงเป็นกรอบการตัดสินที่ "ไม่เป็นธรรม" เพราะถูกใช้อธิบายจากคนที่เข้าถึงทรัพยากรทางสังคม หรืือมีต้นทุนทางสังคมมากกว่าใช้เพื่อควบคุมคนที่มีสถานะด้อยกว่า เช่น คนชนชั้นกลางพูดถึงปัญหาความยากจนของคนชนชั้นแรงงาน คนมีการศึกษาพูดถึงคนที่ไม่ได้รับโอกาสในการศึกษา คนรักต่างเพศมองความสัมพันธ์ของคู่รักเพศเดียวกัน คนทำงานออฟฟิชพูดถึงคนทำงานขายบริการ


2. เรากำลังคิดเรื่อง social resistance ต่อประเด็นความหลากหลายทางเพศในสังคมไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเราสังเกตว่ามีระดับความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น มีกระแสต่อต้านมากขึ้น การการจับจ้องจากสังคม (ที่เต็มไปด้วยการตัดสินโดยใช้กรอบศีลธรรมแบบไทย) มากขึ้น เนื่องจาก 1.คนมีความหลากหลายทางเพศเปิดเผยตัวมากขึ้น และปรากฎในสื่อกระแสหลักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่การปรากฏตัวของ LGBT ยังเป็นลักษณะภาพตัวแทน ที่ขาดความหลากหลายของความเป็นมนุษย์ด้านอื่น คือ การปรากฏตัวของ LGBT ยังจำกัดเพียงแค่การมีตัวตน แต่ไม่ครอบคลุมความหลากหลายทางเพศวิถี วัย เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สีผิว การศึกษา อาชีพ ฯลฯ 2. คนทำงานสิทธินุษยชนของคนที่มีความหลากหลายทางเพศขับเคลื่อนประเด็นสิทธิฯของ LGBT เป็นสิทธิพลเมือง คือ LGBT ควรได้รับสิทธิฯเท่าเทียมกับชายและหญิง ทำให้คนรักต่างเพศเกิดอาการ Gay panic และ Trans panic กลัวว่าสังคมไทยจะเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ บ่อยครั้งใช้คำอธิบายว่า เยาวชน (อนาคตของชาติ ที่ต้องดำรงแบบแผนไทย) จะเลียนแบบ และกลายเป็นพลเมืองที่ไร้สมรรถภาพ (เช่น สมรรถภาพในการสืบพันธุ์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของประเทศที่กำลังพัฒนามากกว่าความสุขของพลเมืองที่สามารถใช้ชีวิตได้ตามความต้องการของตนเอง และได้รับการเคารพจากคนอื่นๆ) 3. กระแสโลกาภิวัฒน์กำลังทำงานต้านกระแสความเป็นไทย ความเป็นไทยที่พวกเราต้องดำรงรักษา เป็นวาระแห่งชาติ ที่คนไทยเองยังขาดความรู้ว่าอะไรคือความเป็นไทยกันแน่ หลายครั้งการตีความเรื่อง "ความเป็นไทย" เป็นการตีความที่คลุมเคลือ (เอาเข้าจริง...ประวัติศาสาตร์ชาติไทยก็ตกหล่น จากการถูกเขียนโดยคนที่เป็นเจ้าขุนมูลนาย ที่เป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่) ดังนั้น เมื่อพูดถึงความเป็นไทย เรามักจะพูดถึงความเป็นไทยแบบคนชนชั้นกลางเพียงเท่านั้น 


3. แน่นอนว่าปรากฏการณ์กอดจูบของทอมดี้บนรถไฟฟ้าของทอมดี้จะขัดสายตาคนทั่วไป และสร้างความไม่เข้าใจกับคนไทย เนื่องจาก 1. สังคมไทยเป็นสังคมลักปิดลักเปิด คือ เปิดรับเพียงบางเรื่องกับคนบางกลุ่ม และเพียงบางแห่ง (พื้นที่) พื้นที่ทางสังคมยังเป็นพื้นที่ที่ให้โอกาสกับคนที่เป็นคนรักต่างเพศ ผู้ชาย คนชนชั้นกลาง คนที่ดำรงความเป็นชาย (ได้มากกว่าคนอื่น) เป็นพิ้นที่ที่ตัดสินคนแบบ 2 มาตราฐาน และนำมาตราฐานชุดใดชุดหนึ่งมาจัดการตัดสินคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแตกต่างกัน ซึ่งพบว่าหลายครั้งคนที่เป็น LGBT เองก็ถูกทำให้เชื่อแบบนั้นด้วย ขอยกตัวอย่าง "กุลเกย์" vs "กะเทยชาวบ้าน" หรือกรณี ผู้หญิงห้ามขึ้นพระธาตุเมื่อหลายปีก่อน กรณีน้องกะเทยสองคนเต้นเปลือยเพลงแน่นอก กรณีภิกษุณีในพุทธศาสนา กรณีเปิดเต้าวันสงกรานต์ ฯลฯ 2. คำถามที่ต้องตอบให้ได้เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์นี้คือ ใครกันที่เกิดความรู้สึกโกรธและอึดอัด? ทอมดี้คู่นั้น หรือ คนที่ด่าว่าคนทั้งคู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่ด่าว่าคนทั้งคู่รู้สึกอึดอัด และพยายามจัดการกับความรู้สึกตัวเองโดยการกล่าวโทษ หรือทำให้ทอมดี้เป็นฝ่ายผิดที่ทำให้ตนอึดอัด แน่นอนว่าความรู้สึกอึดอัดสามารถเกิดกับทุกคนเนื่องจากชุดความคิดความเชื่อชุดใดชุดหนึ่ง (เช่น เกิดจากความเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน เกิดจากชุดประสบการณ์ ชุดศีลธรรมความเชื่อ ความเชื่อเรื่องเพศมีแค่สองเพศ ฯลฯ)? ใครเป็นปัญหา หรือตัวก่อปัญหากันแน่ในกรณีนี้? 3. กาลเทศะของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไม่สามารถเป็นแบบแผนปฏิบัติของคนอีกกลุ่มหนึ่งได้ พวกเรากำลังอาศัยอยู่ในสังคมเมืองกรุงที่หลีกหนีจากความหลากหลายทางอัตลักษณ์ และชุดประสบการณ์ไม่ได้ การเอากาลเทศะของเราไปตัดสินกาลเทศะของคนอื่นนั้นเหมาะสมแล้วหรือ? พอเกิดความขัดแย้งก็อ้างว่ามารยาทของตนเป็นแบบแผนปฏิบัติของคนส่วนใหญ่ เบียดขับคนกลุ่มเล็กให้จำนนว่าพวกเขาทำผิด เกิดความขัดแย้งแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า 


ขอแชร์แค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะยาว ... ถ้าพรุ่งนี้จะมีการรณรงค์จุมพิตบนรถไฟฟ้า ฉันจะซื้อตั๋วเครื่องบิน บินไปร่วมงานนี้ เพราะฉันกำลังคิดว่า สังคมไทยต้องมีความหลากหลายพอ และหยุดใช้ความเป็นไทยมาจำกัดสิทธิเสรีภาพ จินตการของคนไทย ... ประเทศไทยกำลังพัฒนา และเราคงจะย่ำอยู่กับที่ถ้าเรายังมีจิตนาการที่คับแคบ และมองเรื่องสิทธิเสรีภาพในมุมที่คับแคบ ผ่านกรอบศีลธรรมที่ไม่เอื้อต่อการสร้างความเป็นธรรมกับคนทุกเพศและชนชั้น sign.


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 เหตุผลทำไมเราจึงต้องพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ (ในประเทศไทย)

ทำไมเราจึงต้องมาพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ: 1. เพราะเพศไม่ได้จำกัดแค่ชายและหญิง ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่ให้การยอมรับกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศในเชิงสังคมวัฒนธรรม ถึงขั้นคนต่างชาติยกย่องให้เป็น "the paradise of LGBT" หรือ ''สวรรค์ของเกย์ ชายรักชาย กะเทย คนข้ามเพศ ทอมดี้ หญิงรักหญิง และคนรักสองเพศ" ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านจากการยอมรับเชิงสังคมวัฒนธรรมเป็นการยอมรับเชิงกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับคนทุกเพศในสังคมไทย 2.การเปลี่ยนคำนำหน้านามของคนข้ามเพศในเอกสารราชการไม่ได้เป็น "สิทธิพิเศษ" น้อยครั้งมากที่บุคคลที่นิยามตัวเองว่าชายหรือหญิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตนถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่อง "ตัวตนทางเพศ" ของตนเองจากเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ในต่างประเทศ) และบุคคลทั่วไป เพราะตัวตนทางเพศไม่ได้ดูขัดแย้งกับคำนำหน้านามในบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และเอกสารสำคัญทางราชการ ในทางตรงกันข้าม กะเทย และคนข้ามเพศจะต้องตอบคำถามจากคนอีกจำนวนมากถึงความเป็นเพศ ตัวตนทา...

Love Letter to My Mom and Dad

Dear Mom and Dad, Over these past few years,since I have left home to live abroad, I feel that I have grown significantly. I am not able to call where I am living “home” for where I am now is not  our home. Where I am now is not even our country, and I rarely feel safe when I’m far from my only real home, Thailand. In spite of this, I have still enjoyed every moment abroad and have never felt very lonely because I know that I will always have my loved ones, Je Yu, and Jeed in my thoughts. In being far from home, I have learned about how to love myself and how to stand on my own. While I have everything I could ever wish for at home, living abroad I have to wait tables for a living. Working for a living abroad has made me realize that the love from the both of you cannot be bought with any amount of money. Your love has no cost and it will always remain with me throughout the rest of my life. I would like to honor the strongest power that you have given to me. You have ...

Why?

Why?  A: What make you a transgender woman?  B: Well, I don't know.  A: If being trans is difficult, why don't you try to change?  B: I can't change. This is me!  A: Are you happy of being a trans woman.  B: Well, all of us suffer one way or another, but we can be happy. It is life, you know?  B: What make you a man? A: I was born a boy so I am a man. B: Do you really believe that? A: Yes, I do. Everyone else also think that I am a man and they want to see me a masculine man. B: Ok, you are a man or at least you believe you are a man.  A: Why did you ask me this question? It is weird! B: It isn't. For me, the strange thing is that your world has 2 gender, but gender is more diverse in my world. Sadly, you are whoever other people tell you to be. I am who I am because I know who I wanna be. I am so happy!