ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

แม่เขียนเล่า...(เมื่อหลายปีก่อน)

บทความนี้คัดลอกมาจากบทความที่แม่ของฉันเป็นผู้เขียนให้กับฉันถึง เรื่องของการยอมรับของท่านต่อตัวตนทางเพศที่เป็นกะเทยของฉัน โดยบางช่วงของบทความนี้ถูกนำไปประกอบบทความเรื่องแม่รับได้: การยอมรับของครอบครัวที่มีลูกเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งถูกเขียนไว้ดังนี้

"ข้าพเจ้าแต่งงานมาเมื่ออายุได้ 22 ปี ส่วนสามีอายุได้ 32 ปี แต่งงานเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2509 พอดีปี 2510 ข้าพเจ้ามีลูกคนที่ 1 เป็นผู้หญิง พอปี 2511 ข้าพเจ้าก็มีลูกอีก 1 คนเป็นผู้ชาย แต่ไม่ได้เลี้ยงเพราะเขาได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เกิดมาดูโลกได้ 8 ชั่วโมง เพราะเขาคลอดก่อนกำหนด ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ไม่มีลูกอีกเลย จนไปหาหมอมาหลายๆที่จนข้าพเจ้าอายุได้ 33 ปี คุณหมอก็ให้คำปลอบใจว่าอายุก็แก่แล้วไม่ต้องเอาแล้ว หมอยังไม่มีลูกเลย แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ละความพยายามเพราะอยากได้ลูกชายไว้สืบสกุลเพราะพ่อของเขาเป็นคนจีน เขาอยากได้ลูกผู้ชาย ข้าพเจ้าก็หวังอยู่ว่าบุญมีเราต้องได้ลูก ผลสุดท้ายเราก็ได้ลูกผู้ชายตามความปรารถนา วันที่ข้าพเจ้าคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย คุณพ่อเขาดีใจมากที่ได้ลูกชาย จนพาเพื่อนๆ ไปเลี้ยงฉลองกันคืนนั้นเลย แต่มาเดี๋ยวนี้ลูกที่เราหวังว่าจะเป็นผู้ชาย 100 % นั้น มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด เพราะลูกก็มาเป็นสาวประเภทสอง ตอนแรกแม่กับพ่อก็รับไม่ได้ แต่เราเป็นแม่ก็พยายามคุยโน้มน้าวจิตใจให้ลูกว่า ให้ลูกจงเป็นลูกผู้ชายให้เข้มแข็ง เพราะเราเป็นตระกูลคนจีน จะได้มีตระกูลที่ยืนยาวต่อไป แต่ลูกเขาไม่รับปาก และไม่พูดอะไรให้เรารู้ว่าเขาเป็นสาวประเภทสอง เขาจะพยายามปกปิดเราตลอดเวลา แต่เราเป็นแม่ก็จะพยายามสังเกตดูพฤติกรรมของเขามาตลอดเวลา

เวลาไปเรียนหนังสือหรือกลับมาบ้าน เขาจะไม่กล้ามองสบตากับพนักงานที่บ้าน เขาจะเลี่ยงเดินเข้าบ้านและขึ้นบนบ้านไปเลย เขาจะไม่แสดงให้แม่เห็นว่าเขาเป็นอย่างที่เขาเป็น จนเรามารู้ทีหลังว่า เขาชอบผู้ชายเหมือนกัน แต่ถ้าเขาอยู่กับเพื่อนๆเขาจะแสดงออก แต่กับพ่อแม่พี่เขาจะไม่ให้รู้เลย แต่น้องสาวของเขาคงจะรู้กันกับพี่ชาย แต่เขาก็ไม่บอกให้พ่อแม่รู้เลย พอมารู้ที่หลังว่าลูกเราเป็นสาวประเภทสองเรารู้สึกเสียใจ ยิ่งคุณพ่อของเขายิ่งรับไม่ได้เลย เขาจะด่าว่าจะตัดลูกกันเลย แล้วจะไม่ให้ข้าพเจ้าเอาใจใส่ลูก ไม่ให้สนใจลูกได้อย่างไร เพราะเขาเกิดมาเป็นลูกของเราถ้าพวกเราไม่สนใจเขา เขาก็จะอ้างว้าง ว้าเหว่ และจะคิดสั้นได้ เราก็เลยนั่งคิดว่ามันเป็นกรรมของเราที่เกิดเขามาเป็นคนแบบนี้ เราก็มานั่งนึกย้อนถึงอดีตและญาติพี่น้อง ว่าครอบครัวเขาก็มีเป็นเหมือนกัน และความที่เรารักลูกมาก เป็นห่วงเขาและกลัวเขาจะน้อยใจว่าทำไมเขาถึงเป็นอย่างนี้ แล้วมาคิดอีกทีว่า คนเราเกิดมาใครๆก็ไม่อยากเป็นชีวิตที่เหมือนคนครึ่งหญิงครึ่งชายหรอก เพราะยึดถือกรรมเวรตนเรา ก็ทำให้ยิ่งเห็นใจเขามากขึ้น ยิ่งมาคิดว่าเขามีปมด้อยอยู่แล้ว แล้วเราเป็นแม่จะเพิ่มความทุกข์ให้เขาอีกหรือ ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ต้องรักเขามากขึ้น และมากกว่าคนธรรมดาอีกหลายเท่า

ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าจะพยายามพูดคุยให้คุณพ่อเขาเข้าใจและยอมรับความจริง แต่กว่าจะยอมรับได้ก็ใช้เวลาอยู่หลายปี จนมาเดี๋ยวนี้ เขาจะให้ข้าพเจ้าโทรหาลูกตลอดเพราะตัวของลูกเป็นคนดี เวลาเรียนก็ตั้งใจเรียน คบเพื่อนดีๆ และเป็นห่วงพ่อแม่ตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะโทรถามสารทุกข์สุขดิบตลอดเวลา จนมาถึงวันนี้คุณพ่อเขาจะเอ่ยออกมาว่า แม่ทำไมไม่โทรไปหาลูก เป็นห่วงลูกเพราะลูกเราเป็นคนดีข้าพเจ้าสบายใจมาก ถึงแม้เราไม่ได้ลูกชายก็ไม่เป็นไร สมัยนี้จะลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ถ้าเราเลี้ยงเขาดีให้ความสนิทสนมให้ความรัก และความอบอุ่น ความผูกพัน ติดตามดูเขา สอนเขาให้เป็นคนดี มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ และเป็นคนดีของสังคมและทำให้ประเทศชาติ และศาสนาเจริญรุ่งเรือง แม่กับพ่อก็พอใจและสบายใจ และมีความสุขกับลูก กับบางคนที่เขาได้ลูกชาย แต่เขาไม่เอาใจใส่ดูแลก็ทำให้เขาทุกข์ใจได้เหมือนกัน สู้เราเลี้ยงลูกให้ดี ลูกจะทำอะไรให้ทำในสิ่งที่ดีงามเราก็จะสนับสนุนเขาดีกว่า ลูกก็มีความสุข เราเป็นพ่อแม่ก็มีความสุขเหมือนกัน ข้าพเจ้าเองในตอนนี้ มีความสุขที่สุดที่ลูกของเราเป็นคนดีของสังคม"

---------

ขอบคุณแม่มากค่ะ รักแม่ที่สุดค่ะ ... 12 ส.ค. 2557




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 เหตุผลทำไมเราจึงต้องพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ (ในประเทศไทย)

ทำไมเราจึงต้องมาพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ: 1. เพราะเพศไม่ได้จำกัดแค่ชายและหญิง ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่ให้การยอมรับกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศในเชิงสังคมวัฒนธรรม ถึงขั้นคนต่างชาติยกย่องให้เป็น "the paradise of LGBT" หรือ ''สวรรค์ของเกย์ ชายรักชาย กะเทย คนข้ามเพศ ทอมดี้ หญิงรักหญิง และคนรักสองเพศ" ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านจากการยอมรับเชิงสังคมวัฒนธรรมเป็นการยอมรับเชิงกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับคนทุกเพศในสังคมไทย 2.การเปลี่ยนคำนำหน้านามของคนข้ามเพศในเอกสารราชการไม่ได้เป็น "สิทธิพิเศษ" น้อยครั้งมากที่บุคคลที่นิยามตัวเองว่าชายหรือหญิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตนถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่อง "ตัวตนทางเพศ" ของตนเองจากเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ในต่างประเทศ) และบุคคลทั่วไป เพราะตัวตนทางเพศไม่ได้ดูขัดแย้งกับคำนำหน้านามในบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และเอกสารสำคัญทางราชการ ในทางตรงกันข้าม กะเทย และคนข้ามเพศจะต้องตอบคำถามจากคนอีกจำนวนมากถึงความเป็นเพศ ตัวตนทา...

Love Letter to My Mom and Dad

Dear Mom and Dad, Over these past few years,since I have left home to live abroad, I feel that I have grown significantly. I am not able to call where I am living “home” for where I am now is not  our home. Where I am now is not even our country, and I rarely feel safe when I’m far from my only real home, Thailand. In spite of this, I have still enjoyed every moment abroad and have never felt very lonely because I know that I will always have my loved ones, Je Yu, and Jeed in my thoughts. In being far from home, I have learned about how to love myself and how to stand on my own. While I have everything I could ever wish for at home, living abroad I have to wait tables for a living. Working for a living abroad has made me realize that the love from the both of you cannot be bought with any amount of money. Your love has no cost and it will always remain with me throughout the rest of my life. I would like to honor the strongest power that you have given to me. You have ...

Why?

Why?  A: What make you a transgender woman?  B: Well, I don't know.  A: If being trans is difficult, why don't you try to change?  B: I can't change. This is me!  A: Are you happy of being a trans woman.  B: Well, all of us suffer one way or another, but we can be happy. It is life, you know?  B: What make you a man? A: I was born a boy so I am a man. B: Do you really believe that? A: Yes, I do. Everyone else also think that I am a man and they want to see me a masculine man. B: Ok, you are a man or at least you believe you are a man.  A: Why did you ask me this question? It is weird! B: It isn't. For me, the strange thing is that your world has 2 gender, but gender is more diverse in my world. Sadly, you are whoever other people tell you to be. I am who I am because I know who I wanna be. I am so happy!