ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กะเทยเลส : "ชาย" "หญิง" หรือ "ใคร"

สังคมไทยเป็นสังคมรักต่างเพศนิยมแบบเห็นได้ชัดจากกรณีข่าวดังของกะเทยเลส ซึ่งเปิดตัวผ่านสื่อว่า "ฉันคือกะเทยที่ชอบผู้หญิง" ถ้าได้ติดตามอ่านข่าว และโพสตามหน้าเฟชบุ๊คในเพจต่างๆ จะทราบว่าโพสเรื่องกะเทยเลสจะเต็มไปด้วยความเห็นที่หลากหลายในแบบเห็นด้วย และเห็นต่าง สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความเห็นแบบเห็นต่างที่แฝงไปด้วยความรุนแรง และการตัดสินที่แฝงไปด้วยอคติ แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยและวัฒนธรรมไทยทำให้คนพร้อมที่จะตัดสินคนคนหนึ่งที่มีความต่างในเรื่องเพศวิถี ที่ต่างไปจากบรรทัดฐานของสังคมรักต่างเพศนิยม เพราะกะเทยชอบผู้หญิงถูกมองว่าผิด แปลก และต้องได้รับการลงโทษที่ไม่ใช้การลงโทษทางกายให้เจ็บปวด แต่เป็นการลงโทษที่แนบเนียนกว่า นั่นคือ การลงโทษด้วยการตัดสิน และเห็นว่าความต่างคือความแปลก และไม่เหมาะสม

เมื่อกะเทยเลสจะชอบผู้หญิง และกลายเป็นพฤติกรรมที่คนในสังคมจับจ้อง และพยายามจัดการควบคุม เพราะหลายคนเห็นว่ากะเทยอยากเป็นผู้หญิง กะเทยจะเป็นปกติต้องชอบผู้ชายเท่านั้น กะเทยจะชอบผู้หญิงจึงเป็นเรื่องไม่ปกติ หลายคนคงลืมคิดไปว่าเพศวิถีเป็นสิทธิฯ ใครจะรักใครจึงเป็นสิทธิ และความสุขของคนคนนั้น ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนในสังคมไทยถึงต้องมานั่งถกเถียงกันอย่างไม่มีบทสรุป ในเรื่องความเหมาะสมของการมีกฎหมายรับรองการแต่งงานของเพศเดียวกัน นั้นเป็นเพราะว่าคนในสังคมไทยยังคงคิดว่าความรักของคู่รักเพศเดียวกันเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะความปกติเดียวทางเพศวิถีในสังคมไทย คือ "รักต่างเพศ"

หากมองลึกลงไปถึงความพยายามจัดการในเรื่องเพศ กะเทยเลสจึงเป็นเพียงหนึ่งในอุปสรรคของการสร้างสังคมที่เท่าเทียมทางเพศ สังคมไทยได้สร้างวัฒนธรรมที่คนในสังคมต้องสยบยอมกับบรรทัดฐานความเชื่อเรื่องเพศ ซึ่งเป็นความเชื่อที่มักถูกกำหนดด้วยผู้ชายรักต่างเพศ เช่น ผู้หญิงสวยต้องมีผิวขาว รูปร่างผอม เพรียว, ผู้ชายจะต้องไม่ร้องไห้, ผู้หญิงจะต้องรักนวลสงวนตัว, ผู้ชายต้องเข้มแข็งอดทน เป็นต้น ที่น่ากลัวไปกว่านั้นชุดความเชื่อเหล่านี้ถูกผลิตซ้ำผ่านยุคสมัย และกลายเป็นกำแพงให้พวกเรามองเรื่องเพศ และความเป็นเพศในมุมที่คับแคบ ทำให้คนมากมายในสังคมคิดว่าการตัดสินในความต่างทางเพศของเพื่อนร่วมสังคมเป็นเรื่องที่ทำได้ จนกระทั่งมองข้ามเรื่องสิทธิฯของคนคนหนึ่งที่มีสิทธิในการดำเนินชีวิตทางเพศ และตัดสินใจในความเป็นเพศของตนเอง

ในสังคมไทย ผู้ชายกลายเป็นบุคคลเพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับสิทธิอันชอบธรรมในการแสดงความรัก และความใคร่ต่อผู้หญิง ซึ่งถือว่าเป็นเพศตรงข้าม และสิทธิของผู้ชายนี้จะไม่ถูกตั้งคำถามถึงความไม่เหมาะสม หรือถูกมองว่าผิดปกติ สิทธิที่คนที่เป็นผู้ชายไม่ต้องมานั่งเสียเวลาคิดว่า เวลาใดที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมที่จะแสดงความชอบของตนต่อเพศตรงข้าม ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมีอคติต่อความเป็นเพศ และเพศวิถีของตน ดังนั้นการเปิดเผยตัวตนของกะเทยเลสจึงเป็นการสั่นคลอนอำนาจของสังคมไทยแบบชายเป็นใหญ่ และกะเทยเลสเองกำลังท้าทายถึงบรรทัดฐานทางเพศวิถี ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ชายไม่ใช่เพียงคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่จะมีความรัก และความใคร่กับผู้หญิง

ความเห็นแฝงอคติจากคนรักต่างเพศ คนรักเพศเดียวกัน และคนข้ามเพศ ต่อการปรากฎของกะเทยเลส ที่เปรียบเสมือน "น้ำเชียวอย่าขวางเรือ" ทำให้เข้าใจได้ว่าระบบเพศของสังคมไทยยังคงแข็งทื่อ และไม่ไปไกลกว่าความคิดความเชื่อต่อระบบเพศแบบสองขั้ว คือถ้าคนคนหนึ่งจะไม่เป็นชาย ก็ต้องเป็นหญิง เกย์คู่หนึ่งจะมีคนหนึ่งเป็นภรรยา อีกคนก็จะเป็นสามี หรือต้องมีฝ่ายหนึ่งมีบทบาททางเพศเป็นฝ่ายรุกและอีกฝ่ายเป็นฝ่ายรับ คู่รักหญิงรักหญิงจึงถูกมองเป็นเพียงความสัมพันธ์แบบทอม-ดี้ กะเทยแต่งหญิงจึงต้องชอบผู้ชาย และกะเทยแต่งหญิงต้องมีบทบาททางเพศเป็นหญิงเท่านั้น ดังนั้นระบบเพศแบบสองขั้วจึงเป็นระบบตรวจสอบความเป็นเพศที่คนรักต่างเพศใช้เป็นกลไกในการควบคุมคนรักเพศเดียวกัน และคนข้ามเพศ โดยที่บางครั้งกลายเป็นหลุมพรางที่คนรักเพศเดียวกัน และคนข้ามเพศใช้ควบคุม และกดทับคนในกลุ่มเดียวกัน  

สำหรับฉัน การปรากฎของกะเทยเลสเป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมทางเพศในสังคมไทย ที่คนคนหนึ่งพร้อมที่จะบอกเล่าชุดประสบการณ์ที่แตกต่างของตัวเอง ความแตกต่างที่ไม่เหมือนกับชุดประสบการณ์ของคนอื่น ความแตกต่างที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาในสังคมแบบไทยที่ความปรองดองเป็นหลักการทางการเมืองในทุกระดับ กะเทยเลสจึงไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้ตัวเธอ และเพื่อนในกลุ่มมีที่ยืนในสังคมเพียงเท่านั้น แต่กะเทยเลสกำลังยืนหยัด และท้าทายคนในสังคมไทยว่า อัตลักษณ์ทางเพศเป็นเรื่องการเมืองที่เป็นปัญหาระดับประเทศที่คนไทยต้องก้าวข้ามระบบทางเพศแบบสองขั้ว แบบรักต่างเพศนิยม และวัฒนธรรมแบบชายเป็นใหญ่ เพื่อสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยกับการแสดงตัวตนทางเพศที่หลากหลาย และรื้อถอนกลไกตรวจสอบทางเพศที่สร้างข้อจำกัดให้กับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าคนผู้นั้นจะนิยามเพศของตนว่าเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เกย์ กะเทย ทอม ดี้ คนรักสองเพศ กะเทยเลส รวมถึงคนที่ไม่นิยามว่าตัวเองเป็นเพศใดเพศหนึ่ง    

เมื่อการปฏิวัติเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากสถาบันทางสังคมหลายฝ่าย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้เวลา ฉะนั้นการโต้ตอบความเห็นต่างที่รุนแรงด้วยความรุนแรงเป็นเรื่องที่ต้องระวัง เพราะท้ายที่สุดเราต้องการพันธมิตรมากกว่าศัตรู แต่การท้าทายความเห็นต่างก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ เพราะถ้าไม่ท้าทายก็ไม่เกิดการตั้งคำถาม เมื่อไม่ตั้งคำถามก็ไม่ร่วมกันหาคำตอบ ฉะนั้นเมื่อเราจำเป็นต้องเอาเรือหนึ่งลำขวางกระแสน้ำเชี่ยว เราจึงต้องวางกลยุทธ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามแรงน้ำไหล แน่นอนว่ากระแสน้ำเชี่ยวบางทีอาจจะทำให้เรือแตก แต่คนพายเรือต้องแน่วแน่ที่จะพยายามบังคับเรือให้ไปสู่จุดหมาย ... สิ่งหนึ่งที่ฉันคิดว่ายังเป็นความหวัง คือ มีคนจำนวนมากกำลังช่วยพายเรือแห่งความความเท่าเทียมทางเพศนี้ และฉันก็เป็นคนหนึ่งเช่นกันที่อยู่บนเรือลำนี้

และ ถ้าเปรียบสังคมไทยเป็นเรือหนึ่งลำ เราอาจจะต้องมองดูรอบตัวเราว่าโลกได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว หลายประเทศได้มีกฏหมายที่คุ้มครองเกย์กะเทยทอมดี้ รับรองการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกัน รับรองเพศของคนข้ามเพศ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สังคมไทยเองคงต้องมานั่งทบทวนแล้วว่า อะไรคืออุปสรรคที่ทำให้ประเทศไทยไม่ตัดสินใจที่จะพัฒนานโยบาย กฏหมาย และเปลี่ยนวัฒนธรรมที่จะสร้างให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศให้กับคนทุกเพศ ... เราต้องการคนแบบ "กะเทยเลส" อีกจำนวนมาก เพื่อทำให้คนในสังคมไทยได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างหลากหลายทางเพศ และสร้างการเคารพในการตัดสินใจทางเพศของคนคนหนึ่ง ที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับคนอื่น  

และแน่นอนว่า เราคงไม่อยากรอวันที่เรือที่มีธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์หักกลางลำน้ำแห่งโลกาภิวัฒน์  ... บางทีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องที่รอไม่ได้

   
 
ภาพและบทความอ้างอิงจาก -- http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1431603605




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 เหตุผลทำไมเราจึงต้องพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ (ในประเทศไทย)

ทำไมเราจึงต้องมาพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ: 1. เพราะเพศไม่ได้จำกัดแค่ชายและหญิง ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่ให้การยอมรับกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศในเชิงสังคมวัฒนธรรม ถึงขั้นคนต่างชาติยกย่องให้เป็น "the paradise of LGBT" หรือ ''สวรรค์ของเกย์ ชายรักชาย กะเทย คนข้ามเพศ ทอมดี้ หญิงรักหญิง และคนรักสองเพศ" ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านจากการยอมรับเชิงสังคมวัฒนธรรมเป็นการยอมรับเชิงกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับคนทุกเพศในสังคมไทย 2.การเปลี่ยนคำนำหน้านามของคนข้ามเพศในเอกสารราชการไม่ได้เป็น "สิทธิพิเศษ" น้อยครั้งมากที่บุคคลที่นิยามตัวเองว่าชายหรือหญิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตนถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่อง "ตัวตนทางเพศ" ของตนเองจากเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ในต่างประเทศ) และบุคคลทั่วไป เพราะตัวตนทางเพศไม่ได้ดูขัดแย้งกับคำนำหน้านามในบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และเอกสารสำคัญทางราชการ ในทางตรงกันข้าม กะเทย และคนข้ามเพศจะต้องตอบคำถามจากคนอีกจำนวนมากถึงความเป็นเพศ ตัวตนทา...

Love Letter to My Mom and Dad

Dear Mom and Dad, Over these past few years,since I have left home to live abroad, I feel that I have grown significantly. I am not able to call where I am living “home” for where I am now is not  our home. Where I am now is not even our country, and I rarely feel safe when I’m far from my only real home, Thailand. In spite of this, I have still enjoyed every moment abroad and have never felt very lonely because I know that I will always have my loved ones, Je Yu, and Jeed in my thoughts. In being far from home, I have learned about how to love myself and how to stand on my own. While I have everything I could ever wish for at home, living abroad I have to wait tables for a living. Working for a living abroad has made me realize that the love from the both of you cannot be bought with any amount of money. Your love has no cost and it will always remain with me throughout the rest of my life. I would like to honor the strongest power that you have given to me. You have ...

Why?

Why?  A: What make you a transgender woman?  B: Well, I don't know.  A: If being trans is difficult, why don't you try to change?  B: I can't change. This is me!  A: Are you happy of being a trans woman.  B: Well, all of us suffer one way or another, but we can be happy. It is life, you know?  B: What make you a man? A: I was born a boy so I am a man. B: Do you really believe that? A: Yes, I do. Everyone else also think that I am a man and they want to see me a masculine man. B: Ok, you are a man or at least you believe you are a man.  A: Why did you ask me this question? It is weird! B: It isn't. For me, the strange thing is that your world has 2 gender, but gender is more diverse in my world. Sadly, you are whoever other people tell you to be. I am who I am because I know who I wanna be. I am so happy!