ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2015

5 เหตุผลทำไมเราจึงต้องพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ (ในประเทศไทย)

ทำไมเราจึงต้องมาพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ: 1. เพราะเพศไม่ได้จำกัดแค่ชายและหญิง ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่ให้การยอมรับกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศในเชิงสังคมวัฒนธรรม ถึงขั้นคนต่างชาติยกย่องให้เป็น "the paradise of LGBT" หรือ ''สวรรค์ของเกย์ ชายรักชาย กะเทย คนข้ามเพศ ทอมดี้ หญิงรักหญิง และคนรักสองเพศ" ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านจากการยอมรับเชิงสังคมวัฒนธรรมเป็นการยอมรับเชิงกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับคนทุกเพศในสังคมไทย 2.การเปลี่ยนคำนำหน้านามของคนข้ามเพศในเอกสารราชการไม่ได้เป็น "สิทธิพิเศษ" น้อยครั้งมากที่บุคคลที่นิยามตัวเองว่าชายหรือหญิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตนถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่อง "ตัวตนทางเพศ" ของตนเองจากเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ในต่างประเทศ) และบุคคลทั่วไป เพราะตัวตนทางเพศไม่ได้ดูขัดแย้งกับคำนำหน้านามในบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และเอกสารสำคัญทางราชการ ในทางตรงกันข้าม กะเทย และคนข้ามเพศจะต้องตอบคำถามจากคนอีกจำนวนมากถึงความเป็นเพศ ตัวตนทา...

กะเทยเลส : "ชาย" "หญิง" หรือ "ใคร"

สังคมไทยเป็นสังคมรักต่างเพศนิยมแบบเห็นได้ชัดจากกรณีข่าวดังของกะเทยเลส ซึ่งเปิดตัวผ่านสื่อว่า "ฉันคือกะเทยที่ชอบผู้หญิง" ถ้าได้ติดตามอ่านข่าว และโพสตามหน้าเฟชบุ๊คในเพจต่างๆ จะทราบว่าโพสเรื่องกะเทยเลสจะเต็มไปด้วยความเห็นที่หลากหลายในแบบเห็นด้วย และเห็นต่าง สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความเห็นแบบเห็นต่างที่แฝงไปด้วยความรุนแรง และการตัดสินที่แฝงไปด้วยอคติ แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยและวัฒนธรรมไทยทำให้คนพร้อมที่จะตัดสินคนคนหนึ่งที่มีความต่างในเรื่องเพศวิถี ที่ต่างไปจากบรรทัดฐานของสังคมรักต่างเพศนิยม เพราะกะเทยชอบผู้หญิงถูกมองว่าผิด แปลก และต้องได้รับการลงโทษที่ไม่ใช้การลงโทษทางกายให้เจ็บปวด แต่เป็นการลงโทษที่แนบเนียนกว่า นั่นคือ การลงโทษด้วยการตัดสิน และเห็นว่าความต่างคือความแปลก และไม่เหมาะสม เมื่อกะเทยเลสจะชอบผู้หญิง และกลายเป็นพฤติกรรมที่คนในสังคมจับจ้อง และพยายามจัดการควบคุม เพราะหลายคนเห็นว่ากะเทยอยากเป็นผู้หญิง กะเทยจะเป็นปกติต้องชอบผู้ชายเท่านั้น กะเทยจะชอบผู้หญิงจึงเป็นเรื่องไม่ปกติ หลายคนคงลืมคิดไปว่าเพศวิถีเป็นสิทธิฯ ใครจะรักใครจึงเป็นสิทธิ และความสุขของคนคนนั้น ไม่น่าแปลกใจว...

กะเทย คนขายบริการ กับ นายตำรวจ

ฉันคิดว่าพัทยาเป็นเมืองพิเศษ เป็นเมืองที่มีความหลากหลายในหลายระดับ ตั้งแต่ความหลากหลายในเรื่องวัฒนธรรม เพราะนอกจากจะมีคนไทยจำนวนมากที่มาจากภาคเหนืออีสานกลางใต้ ทั้งเป็นคนเกิดในพื้นที่ ย้ายเข้ามาอาศัย หรือเป็นนักท่องเที่ยวทั้งขาจรและขาประจำที่แวะเวียนมาพัทยาไม่ขาดสาย นอกจากคนไทยแล้ว คนที่มาอาศัยอยู่ในเมืองพัทยาก็มาจากหลากหลายทวีปทั่วโลก ทั้งทวีปเอเซีย ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และอื่นๆ อีกทั้งพัทยามีความหลากหลายของกลุ่มประชากร คือ มีคนทุกวัย ทุกเพศ ศาสนา และคนที่อาศัยในพัทยาก็มีความหลากหลายเรื่องเศรษฐกิจฐานะ คือ มีทั้งคนรวย คนจน คนชนชั้นกลาง เป็นคนจากทุกชนชั้นทางสังคม ทั้งยังประกอบอาชีพที่แตกต่างกัน เช่น แม่ค้า ครูอาจารย์ พนักงานรัฐและรัฐวิสาหะกิจ ข้าราชการ เจ้าของกิจการ คนทำงานบริการต่างๆ และกลุ่มคนที่มีความสำคัญไม่น้อยหน้ากว่าคนกลุ่มอื่นๆในเมืองพิเศษแห่งนี้ คือ พนักงานบริการ หรือ คนขายบริการ ที่มีจำนวนมาก บางคนลงหลักปรักฐานเป็นเวลาหลายปีในเมืองพัทยาแห่งนี้ เนื่องจากพัทยาเป็นเมืองที่รวมคนหลายกลุ่ม อยู่กันเป็นชุมชน ตามตรอกซอกซอยในเมืองพัทยา การจะแยกพื้นที่มืดและพื้นที่สว่างจึงเป็นเร...

พลังเยาวชนกะเทย

คิดย้อนกลับไปสมัยที่วันเด็กเป็นหนึ่งในวันสำคัญที่สุดของชีวิต วันเด็กเป็นวันที่เด็กหลายคนจะต้องไปธนาคารออมสินเพื่อรับของขวัญเป็นกระปุกออมสินราคาถูกๆ แต่ดีใจราวกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง วันเด็กที่เด็กบางคนจะต้องไปแสดงความสามารถต่างๆในงานวันเด็กของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นการประกวดร้องเพลง แข่งวาดภาพ แข่งคัดลายมือ แข่งอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วหรือร้อยกรอง ตามรายการแข่งขันสาระพัดนับไม่ถ้วนที่จัดหามาเพื่อให้เด็กเก่งมาแสดงความสามารถ อีกเรื่องหนึ่งที่พอจะจำได้คือ วันเด็กเป็นวันที่เราต้องจำคำขวัญที่ถูกแต่งขึ้นมาโดยนายกรัฐมนตรีเพื่อใช้ในวันเด็กประจำปีของแต่ละปี และคำขวัญเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะคล้ายกันทุกปี คือ เป็นเด็กต้องเป็นเด็กดี มีวินัย ใฝ่การศึกษา หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ประหนึ่งว่าชีวิตของเด็กคนหนึ่งจะผูกผันกับเรื่องราวเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น ดังนั้นความเป็นเด็กในมายาคติแบบไทย จะหลงลืมเด็กจำนวนหนึ่งที่มีวิถีชีวิตที่ไม่สอดคล้องกับความเชื่อว่าเด็กไทยต้องอยู่ในพื้นที่โรงเรียนและบ้านเท่านั้น เด็กไทยจะต้องกตัญญูเชื่อฟังพ่อแม่ และ เด็กไทยทั้ง "เด็กชาย" และ "เด็กหญิง" จะเป็นอนาคตข...

หยุด "กลัว" กะเทย

“เกิดเป็นกะเทยเสียชาติเกิด” “กรรมเก่า … ทำความดีในชาตินี้จะได้เกิดเป็นชายจริงหญิงแท้ในชาติหน้า” “กะเทยควาย กะเทยหัวโปก กะเทยลูกเจี๊ยบ …” “กะเทยห้ามบวช ห้ามเป็นทหาร ห้ามเป็นหมอ ห้ามเป็นครูอาจารย์ ห้ามแต่งหญิงในที่ทำงาน!!!” “กะเทยต้องแต่งหน้า ทำผมเก่ง เต้นเก่ง และ “โม๊ก” เก่ง … ต้องตลก และมีอารมณ์ขัน” ฉันเชื่อว่ากะเทยหลายคนเติบโตมากับเสียงสะท้อนเหล่านี้จากสังคม คนรอบข้าง และจากเพื่อนกะเทยด้วยกัน หลายครั้งชีวิตของคนคนหนึ่งไม่ได้มีอิสระในการเลือกตามความเข้าใจของพวกเรา เมื่อ “ความเป็นเรา” ถูกทำให้เป็นอื่น หรือ “แปลก” และ “แตกต่าง” ความเป็นเราจึงถูกจำกัดทำให้บางครั้งคนคนหนึ่งไม่สามารถเลือกได้ว่า จะใช้ชีวิตแบบใด หรือมีความสนใจในเรื่องใด เพราะเขาหรือเธอไม่อยาก “แปลก” หรือให้ใครเห็นว่าพวกเขา“ต่าง” จากคนอื่นๆ เมื่อการเป็นกะเทยถูกทำให้เป็นเรื่อง “แปลก” ในสังคมไทยที่พร้อมจะตัดสินความแปลกเป็นความ“ผิด” หรือ “ผิดปกติ” เสียงสะท้อนจากสังคม คนรอบข้าง รวมถึงกะเทยคนอื่นๆ จึงจำกัดจินตนาการ และวิถีชีวิตที่หลากหลายของการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ นอกจากนี้การตัดสินว่ากะเทยคนหนึ่งต้องทำหรือไม่ทำอ...

แบบเรียน "หลงทาง" กับกลุ่มคน "หลงเพศ"

“สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคนวันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับ บุคคลที่อยู่ในกลุ่ม “หลงเพศ”นะคะ เราจะมาเรียนรู้ถึงความหมาย สาเหตุ และการปฏิบัติตัวกับคนกลุ่มนี้กันค่ะ” “เอาล่ะ กลุ่มหลงเพศหมายถึง กลุ่มที่ต้องการใช้ชีวิตตรงข้ามกับที่ตนเองเป็นอยู่ ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านก็หมายถึง กลุ่มกะเทย สาวประเภทสอง ทอม ซึ่งส่วนใหญ่อยากเปลี่ยนแปลงร่างกายให้เป็นเพศตรงข้าม … สาเหตุของการหลงเพศยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าเกิดจากการผิดปกติของโครโมโซม หรือฮอร์โมนเพศที่ไม่สมดุล หรือสารเคมีที่ผู้เป็นแม่รับเข้ามาในขณะตั้งครรภ์ อีกสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เด็กโตมาเป็นคนหลงเพศ คือการเลี้ยงดูเด็กที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลกระทบให้เด็กผิดปกติไปจนเกิดอาการหลงเพศ …สำหรับแนวทางการปฏิบัติกับคนกลุ่มนี้นั้น ครูแนะนำให้จำกัดความสัมพันธ์ไว้แค่เพื่อน ถ้าเขาพยายามจะคบเราเป็นแฟน เราสามารถสังเกตพฤติกรรมเกินเพื่อนจากการที่พวกเขาชอบลูบไล้ร่างกายของเพื่อนคนอื่นผิดไปจากเพื่อนตามปกติ มีอารมณ์หึงหวงกับเพื่อนเพศเดียวกัน และแสดงความก้าวร้าวเมื่อถูกปฏิเสธ” “สุดท้ายครูแนะนำให้พวกเราปฏิบัติตัวแบบนิ่งเฉย เมื่อพบเห็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนทาง...

กะเทย: ภาษา อำนาจ และ ชนชั้น

“กูเกลียดกะเทยเกลียดตุ๊ดชิบหาย แม่งไอ้สัตว์ พวกวิปริต พ่อก็ด่า พ่อเกลียดมาก แล้วพ่อก็เล่าให้แม่เลี้ยงฟังตอนนั้นนั่งกินข้าวด้วยกัน แล้วพ่อก็บอกว่า กูตอนเป็นหนุ่มๆ แม่งมีกะเทยมาแซวกูขายก๋วยเตี๋ยว แล้วก็พยายามมาแซว กูเตะแม่งคว่ำ แล้วก็เยี่ยวใส่หม้อก๋วยเตี๋ยว พ่อบอกกูนี่เกลียดตุ๊ด ไอ้เหี้ย พวกนี้เกิดมาแม่งเสียชาติเกิด…พ่อก็เลยหันมาบอกถ้ามึงเป็นกะเทยนะ กูจะเอามีดปาดคอมึงให้ตาย แม่งอย่าเกิดมาเป็นลูกกู” เรื่องจริงจากบทสนทนาที่ฉันกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งไดัแบ่งปันประสบการณ์การเป็นกะเทยในวัยเด็กของเราทั้งคู่ เพื่อนคนนี้ของฉันยังคงจำคำพูดของพ่อเธอได้ดีเวลาคิดถึงพ่อที่จากไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ฉันคิดว่ากะเทยหลายคนคงมีประสบการณ์ในการแสวงหาตัวตนที่ไม่ต่างกันมากนัก หลายคนมองว่าคำว่า“กะเทย” เป็นคำที่มีความหมายในเชิงล้อเลียน กลั่นแกล้ง หรือดูถูก เพราะคนรอบข้างของพวกเธอใช้คำนี้เรียกพวกเธอ ทั้งที่พวกเธอยินยอม หรือยอมจำนน โดยสิ่งที่คนอื่นหยิบยื่นให้พวกเธอ คือการตีตรา และลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของกะเทยคนหนึ่ง คิดในทางกลับกัน เราคงไม่เรียกมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งว่า “ผู้ชาย” นอกจากจะเรียกชื่อของเขาคนนั้น และตระห...

แม่เขียนเล่า...(เมื่อหลายปีก่อน)

บทความนี้คัดลอกมาจากบทความที่แม่ของฉันเป็นผู้เขียนให้กับฉันถึง เรื่องของการยอมรับของท่านต่อตัวตนทางเพศที่เป็นกะเทยของฉัน โดยบางช่วงของบทความนี้ถูกนำไปประกอบบทความเรื่องแม่รับได้: การยอมรับของครอบครัวที่มีลูกเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งถูกเขียนไว้ดังนี้ "ข้าพเจ้าแต่งงานมาเมื่ออายุได้ 22 ปี ส่วนสามีอายุได้ 32 ปี แต่งงานเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2509 พอดีปี 2 510 ข้าพเจ้ามีลูกคนที่ 1 เป็นผู้หญิง พอปี 2511 ข้าพเจ้าก็มีลูกอีก 1 คนเป็นผู้ชาย แต่ไม่ได้เลี้ยงเพราะเขาได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เกิดมาดูโลกได้ 8 ชั่วโมง เพราะเขาคลอดก่อนกำหนด ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ไม่มีลูกอีกเลย จนไปหาหมอมาหลายๆที่จนข้าพเจ้าอายุได้ 33 ปี คุณหมอก็ให้คำปลอบใจว่าอายุก็แก่แล้วไม่ต้องเอาแล้ว หมอยังไม่มีลูกเลย แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ละความพยายามเพราะอยากได้ลูกชายไว้สืบสกุลเพราะพ่อของเขาเป็นคนจีน เขาอยากได้ลูกผู้ชาย ข้าพเจ้าก็หวังอยู่ว่าบุญมีเราต้องได้ลูก ผลสุดท้ายเราก็ได้ลูกผู้ชายตามความปรารถนา วันที่ข้าพเจ้าคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย คุณพ่อเขาดีใจมากที่ได้ลูกชาย จนพาเพื่อนๆ ไปเลี้ยงฉลองกันคืนนั้นเลย แต่มาเดี๋ยวนี้ลูกที่...

หยุด “ฆ่า” ฉัน

จากรายงานการวิจัยของสหภาพคนข้ามเพศยุโรป (Transgender Europe) ภายใต้โครงการการติดตามการสังหารคนข้ามเพศ พบว่า สถิติการสังหารคนข้ามเพศ (ในที่นี้รวมถึงกะเทย สาวประเภทสอง หรือเกย์สาวที่นิยามตนเองว่าเป็นกะเทยหรือคนข้ามเพศ) พบว่า คนข้ามเพศหนึ่งคนจะถูกสังหารทุกๆ 72 ชั่วโมงทั่วโลกเนื่องจากความเกลียดชังด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศ หรือ โฮโมโฟเบียและทรานซ์โฟเบีย (homophobia and transphobia) ในประเทศไทยนั้นแม้ว่าจะไม่มีการทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแพร่หลาย งานวิจัยของโครงการเพศวิถีที่หลากหลายในความหมายของครอบครัว โดยมูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศพบว่า คนข้ามเพศหรือกะเทยตกเป็นเป้าหมายของการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำความรุนแรงมากกว่ากลุ่มความหลากหลายทางเพศกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มเกย์หรือกลุ่มชายรักชาย และกลุ่มเลสเบี้ยน หรือกลุ่มหญิงรักหญิง จากงานวิจัยดังกล่าว ทำให้กะเทยไทยอย่างฉันต้องมานั่งทบทวนประสบการณ์ชีวิตการเป็นกะเทยที่เติบโตในแผ่นดินไทยประเทศที่ทำให้ฉันเชื่อว่า เราเป็นประเทศที่รักความสงบ เราคนไทยดำเนินชีวิตแบบวิถีพุทธ เราไม่นิยมการจัดการปัญหาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ฉะนั้น ...

ผู้หญิงอย่าหยุดสวย?

ทำไมกะเทยต้องสวย ทำไมกะเทยต้องเหมือนผู้หญิง ถ้าชั้นไม่เคยตั้งคำถามเหล่านี้ ชั้นคงจะใช้เวลา กำลังทรัพย์ และความพยายามทำให้ตัวเองเหมือนผู้หญิงในแต่ละวันจนไม่ได้มีกำลังกาย ทรัพย์ และเวลาไปทำกิจกรรมสำคัญอย่างอื่นในชีวิต ชั้นเข้าใจดีว่าความสวยคืออำนาจแบบหนึ่งที่ถูกพลิตซ้ำผ่านวาทกรรมด้านสุขภาพ เทคโนโลยี ในสังคมทุนนิยมที่บางครั้งความสวยสามารถนำมาขายเป็นสินค้าและบริการ ผู้หญิงอย่าหยุดสวย...สโลแกนติดปากที่กะเทยหลายคนใช้พูดเพื่อเปรียบเปรยถึงความพยายามอย่างแสนสาหัสที่จะทำตัวเองให้สวย และได้มาซึ่งอำนาจทางสังคม "ความสวย" ที่ไม่ว่าผู้หญิงหรือกะเทยหลายคนสามารถซื้อได้ด้วย "เงิน" สร้างได้ด้วย "วิทยาการทางการแพทย์" กะเทยหลายคนจึงใช้ทรัพย์ที่หามาได้ไปกับความพยายามที่จะสวย ทั้งเพื่อให้ได้ความสวยที่ตนต้องการ รักษาความสวยนั้นไว้ หรือแม้กระทั่งเพื่อชะลอความสวยที่มักจะโรยล่วงไปกับกาลเวลา ไม่เชื่อลองสังเกตดูว่ากะเทยใช้ทรัพยากรทางเวลาไปกับความสนใจในเรื่องเนื้อตัวร่างกาย และเรื่องความสวยงามมากเพียงใด กะเทยหนึ่งคนอาจจะใช้เวลาทั้งวันไปกับการถือกระจกเพื่อส่องใบหน้า ประหนึ่งใบหน้าเป...