ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กรอบ


ชั้นม้กจะบอกกับเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งของชั้นเสมอว่า " ให้มองคนให้เป็นมนุษย์คนหนึ่ง"

หลายคนจะคิดว่าสิ่งที่ชั้นพูด"แปลก" แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำไม่ง่าย หลายครั้งเรามักจะมองเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งว่าพวกเขา "แปลก" "บ้า" "แตกต่าง" จนถึงขั้นมองว่าพวกเขาและการกระทำของพวกเขา "ผิด" หรือ "ไม่สมควร" 

เพื่อนรุ่นน้องของชั้นคนนี้มักถามคำถามกับชั้นเรื่องคนรักเพศเดียวกัน คำถามที่เขาถามมักจะเกี่ยวกับเรื่องเพศ เช่น

"พี่เอากันข้างหลังไม่เจ็บเหรอ"

"แล้วพี่เสร็จยังงัย"

"พี่รู้ตัวแต่เด็กเลยเหรอว่าพี่อยากเป็นแบบนี้"

"กะเทยเด็กเดี๋ยวนี้แรงตั้งแต่เด็ก พี่ว่ามั้ย ผมว่ามันเกินไป"

คำถามสารพัดที่ชั้นมักจะได้ยินจากน้องชายคนนี้ ชั้นเข้าใจว่าคำถามลักษณะนี้อีกมากมายยังคงเป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้แต่ไม่ถาม เพราะเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความสนิทกันในระดับหนึ่ง จึงจะสามารถพูดคุยกันได้ เรื่องเพศเป็นเรื่องไม่ถูกพูดถึงในที่สาธารณะเพราะเห็นว่าไม่สมควรโดยเฉพาะสังคม (ไทย) ที่จริตเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินชีวิตเพื่อการรักษา "หน้า"

ชั้นมักจะตอบคำถามไปว่า "แกไม่ได้มองเขาแบบมนุษย์คนหนึ่ง" คำตอบนี้คงสร้างความฉงนสงสัยมากเพราะมันไม่ได้เป็นคำตอบของคำถามที่ถูกถาม แต่ชั้นกลับคิดว่าชั้นได้ตอบคำถามไปแล้ว ด้วยการท้าทายวิธีคิดเรื่อง "แปลก" และ"แตกต่าง" ของคนตั้งคำถาม

เรามักจะเรียนรู้เรื่อง "กรอบ" อยู่เสมอ เช่น ขนบ ธรรมเนียม ประเพณี มารยาท คุณค่า ล้วนแต่เป็นกรอบปฎิบัติในสังคม ซึ่งส่วนใหญ่ถูกคิดและกำหนดจากคนชนชั้นหนึ่งเพื่อใช้กับคนทุกคนในสังคม คนที่แหกกรอบเหล่านี้มักจะถูกมองว่าเป็น "ขบถ" ของสังคม

หลายครั้งกรอบเหล่านี้เชื่อมโยงกับตัวตนทางเพศ ใครไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกมองว่า "แปลก" หรือ "แตกต่าง" เช่น ผู้ชายร้องไห้หรือแสดงความรู้สึกในที่สาธารณะเป็นเรื่องไม่สมควร มักถูกมองว่าคุณลักษณะดังกล่าวเป็นการลดทอนความเป็นชาย หรือกรณีผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยก็จะถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี เพราะผู้หญิง "ดี" ต้องแต่งตัวมิดชิด

หลายครั้งเรามักจะมองความ "แปลก" แบบภาพตัวแทน เช่น กรณีของผู้ชายร้องไห้ ถูกมองว่า "ไม่ใช่ผู้ชาย" เป็น "เกย์" หรือ "กะเทย" หรือกรณีผู้หญิงนุ่งสั้นก็จะถูกมองว่า "เป็นผู้หญิงไม่เรียบร้อย" หรือ "ทำงานกลางคืน" เป็นต้น

เราต่างใช้ "กรอบ" มาตัดสินคนอื่นเสมอ จนหลงลืมไปว่า มนุษย์นั้นมีความหลากหลาย มีความต้องการแตกต่าง และมีความเป็นปัจเจกทางกายภาพ ความคิด และจิตวิญญาณ ฉะนั้น การที่คนคนหนึ่งจะใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เหมือนใคร มีชีวิตทางเพศโลดโผนแค่ไหน มีความสัมพันธ์กับใคร มีเพศสัมพันธ์ท่าไหน จะ "ติด" กรอบ หรือ "หลุด" กรอบ มากน้อยแค่ไหน ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เป็นปัจเจกของมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งความสุขความทุกข์ของคนคนหนึ่งต่างเป็นความสุขความทุกข์ของคนคนนั้น

"กรอบ" ที่ถูกสร้างนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ "กรงขัง" ที่ทำหน้าที่กักขังความต้องการ ทำให้การแสวงหาความรู้ และประสบการณ์ใหม่เป็นเรื่องยากรวมถึงการควบคุมความคิดและการกระทำของมนุษย์ ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นกรอบเหล่านี้ทำให้มนุษย์มองเพื่อนมนุษย์ที่ไม่ปฏิบัติตามกรอบที่สังคมกำหนดว่า "แปลก" และ "แตกต่าง"

สำหรับชั้น ชั้นคิดว่าคนที่ติดอยู่ใน "กรงขัง" นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ "กบในกะลา" แม้ว่าการติดกรอบไม่ใช่เรื่อง "แปลก" หรือ "ผิด" แต่เราก็ไม่ควรมองคนที่อยู่นอกกรอบว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร หรือแปลก

เชื่อเถอะว่า ถ้าเรา "มองคนให้เป็นมนุษย์" เราจะรู้ว่าเขาเหล่านั้นก็ไม่ "ต่าง" จากเรา





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 เหตุผลทำไมเราจึงต้องพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ (ในประเทศไทย)

ทำไมเราจึงต้องมาพูดเรื่องการเปลี่ยนคำนำหน้านามของหญิงและชายข้ามเพศ: 1. เพราะเพศไม่ได้จำกัดแค่ชายและหญิง ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่ให้การยอมรับกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศในเชิงสังคมวัฒนธรรม ถึงขั้นคนต่างชาติยกย่องให้เป็น "the paradise of LGBT" หรือ ''สวรรค์ของเกย์ ชายรักชาย กะเทย คนข้ามเพศ ทอมดี้ หญิงรักหญิง และคนรักสองเพศ" ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านจากการยอมรับเชิงสังคมวัฒนธรรมเป็นการยอมรับเชิงกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับคนทุกเพศในสังคมไทย 2.การเปลี่ยนคำนำหน้านามของคนข้ามเพศในเอกสารราชการไม่ได้เป็น "สิทธิพิเศษ" น้อยครั้งมากที่บุคคลที่นิยามตัวเองว่าชายหรือหญิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตนถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่อง "ตัวตนทางเพศ" ของตนเองจากเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ในต่างประเทศ) และบุคคลทั่วไป เพราะตัวตนทางเพศไม่ได้ดูขัดแย้งกับคำนำหน้านามในบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และเอกสารสำคัญทางราชการ ในทางตรงกันข้าม กะเทย และคนข้ามเพศจะต้องตอบคำถามจากคนอีกจำนวนมากถึงความเป็นเพศ ตัวตนทา...

กะเทยเลส : "ชาย" "หญิง" หรือ "ใคร"

สังคมไทยเป็นสังคมรักต่างเพศนิยมแบบเห็นได้ชัดจากกรณีข่าวดังของกะเทยเลส ซึ่งเปิดตัวผ่านสื่อว่า "ฉันคือกะเทยที่ชอบผู้หญิง" ถ้าได้ติดตามอ่านข่าว และโพสตามหน้าเฟชบุ๊คในเพจต่างๆ จะทราบว่าโพสเรื่องกะเทยเลสจะเต็มไปด้วยความเห็นที่หลากหลายในแบบเห็นด้วย และเห็นต่าง สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ความเห็นแบบเห็นต่างที่แฝงไปด้วยความรุนแรง และการตัดสินที่แฝงไปด้วยอคติ แสดงให้เห็นว่า สังคมไทยและวัฒนธรรมไทยทำให้คนพร้อมที่จะตัดสินคนคนหนึ่งที่มีความต่างในเรื่องเพศวิถี ที่ต่างไปจากบรรทัดฐานของสังคมรักต่างเพศนิยม เพราะกะเทยชอบผู้หญิงถูกมองว่าผิด แปลก และต้องได้รับการลงโทษที่ไม่ใช้การลงโทษทางกายให้เจ็บปวด แต่เป็นการลงโทษที่แนบเนียนกว่า นั่นคือ การลงโทษด้วยการตัดสิน และเห็นว่าความต่างคือความแปลก และไม่เหมาะสม เมื่อกะเทยเลสจะชอบผู้หญิง และกลายเป็นพฤติกรรมที่คนในสังคมจับจ้อง และพยายามจัดการควบคุม เพราะหลายคนเห็นว่ากะเทยอยากเป็นผู้หญิง กะเทยจะเป็นปกติต้องชอบผู้ชายเท่านั้น กะเทยจะชอบผู้หญิงจึงเป็นเรื่องไม่ปกติ หลายคนคงลืมคิดไปว่าเพศวิถีเป็นสิทธิฯ ใครจะรักใครจึงเป็นสิทธิ และความสุขของคนคนนั้น ไม่น่าแปลกใจว...

Love Letter to My Mom and Dad

Dear Mom and Dad, Over these past few years,since I have left home to live abroad, I feel that I have grown significantly. I am not able to call where I am living “home” for where I am now is not  our home. Where I am now is not even our country, and I rarely feel safe when I’m far from my only real home, Thailand. In spite of this, I have still enjoyed every moment abroad and have never felt very lonely because I know that I will always have my loved ones, Je Yu, and Jeed in my thoughts. In being far from home, I have learned about how to love myself and how to stand on my own. While I have everything I could ever wish for at home, living abroad I have to wait tables for a living. Working for a living abroad has made me realize that the love from the both of you cannot be bought with any amount of money. Your love has no cost and it will always remain with me throughout the rest of my life. I would like to honor the strongest power that you have given to me. You have ...