เดือนมิถุนายนเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ "Pride" ทำให้ใครหลายคนคิดไปถึงไพรด์ของปีหน้า พร้อมกับความหวังที่จะได้ "ไพรด์" ในฝันกลับคืนมา โดยไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์ของการระบาดของโรคโควิด-19 เหมือนในปีนี้ ที่สถานการณ์การระบาดทำให้กิจกรรม "ไพรด์" ต้องเปลี่ยนไปจัดในรูปแบบออนไลน์ เพื่อเป็นการเลี่ยงความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ถึงกระนั้น "ไพรด์" ของปีนี้ก็มาพร้อมกับความตื่นเต้น และสีสันไม่น้อยเลยทีเดียว
เริ่มต้นด้วยปรากฏการณ์ที่ธุรกิจจำนวนมากเปลี่ยนโลโก้ทางธุรกิจให้มีสีรุ้ง สร้างภาพธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับเดือนไพรด์ร่วมกับชุมชนของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ แม้ว่าจะมีเสียงของนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนและคนที่มีความหลากหลายทางเพศที่กล่าวว่าธุรกิจเหล่านี้พยายามหาผลประโยชน์จาก "ไพรด์" และ "กระบวนการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความเท่าเทียมของ LGBTIQ+" โดยนักเคลื่อนไหว LGBTIQ+ ได้ยกประเด็น "Rainbow Capitalism" หรือ "Pinkwashing" มาใช้อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ในภาคธุรกิจ และหวังเพียงว่าจะสร้างกระแสสังคมที่ทำให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศ และส่งเสรืมความเท่าเทียมทางเพศกับกลุ่ม LGBTIQ+ อย่างแท้จริง
แม้ว่าโลโก้ต่างๆจะถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นโลโก้ทางธุรกิจเดิมภายหลังเดือนมิถุนายนสิ้นสุดลง ทำให้เป็นที่น่าจับตามองว่าธุรกิจสีรุ้งที่เกิดขึ้นในเดือน "ไพรด์" มีนโยบายอย่างไรเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศ และมีส่วนในการส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคมและสิทธิฯของ LGBTIQ+ มากน้อยเพียงใดในสังคมไทย เราเห็นธุรกิจจำนวนหนึ่งมีการเปลี่ยนนโยบายแผนกบุคคลที่มอบสิทธิประโยชน์ให้กับคู่ชีวิตของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่สวนทางกับกฏหมายที่ล้าหลัง เพราะกฏหมายไทยยังไม่รับรองสถานะของคู่ชีวิต หรืออนุญาติให้คนรักเพศเดียวกันแต่งงานได้ เรานับถือในการเป็นผู้เริ่มของธุรกิจเหล่านั้น และอยากเห็นการพัฒนาที่มากขึ้นในภาคธุรกิจ โดยที่ไม่ต้องรอ "ไพรด์" ในปีหน้าวนกลับมาอีกครั้ง
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะบนโลกของสื่อสังคมออนไลน์ เป็นที่น่ายินดีที่วัยรุ่นหลากหลายเพศมีทางเลือกมากขึ้นในการเข้าร่วมกิจกรรมในเดือน "ไพรด์" หรือมีช่องทางในการเรียนรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศที่มากขึ้นจากสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งที่มาจากดารา และ Influencer หลากหลายสื่อ และองค์กรชุมชนที่เกิดขึ้น offline และ online ที่มีจำนวนมากขึ้น เดือนไพรด์ที่ผ่านมาเราเห็นนิตยสาร "สารคดี" ซึ่งเป็นนิตยสารในกระแสหลักที่ลงคอลัมส์เกี่ยวกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย ไปจนถึง "คู่มือผู้ปกครองในการดูแลบุตรหลานหลากหลายเพศ" ที่จัดทำโดยมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นคู่มือเล่มแรกในประเทศไทยที่พูดถึงการเลี้ยงดูลูกหลานหลากหลายเพศในแบบที่ควรจะเป็น
นอกจากกิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Live ทาง Facebook, Tik Tok, Clubhouse, รายการผ่านช่องทาง YouTube ในประเด็นทางสังคมที่เกิดขึ้นกับคนที่มีความหลากหลายทางเพศ เรียกได้ว่าพื้นที่ของคนที่มีความหลากหลายทางเพศมีความเบิกบานในเดือนแห่ง "ไพรด์" ... เราเห็นการเปิดพื้นที่ที่มาพร้อมกับการสะท้อนถึงสภาพปัญหาที่คนที่มีความหลากหลายทางเพศยังต้องเผชิญในสังคมไทย เช่น การถูกเลือกปฏิบัติและความรุนแรงเชิงโครงสร้างทางสังคม การไม่มีกฏหมายคุ้มครองและรองรับ ความไม่เข้าใจที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนชายขอบในชุมชนคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ไปจนถึงการแสวงหาความอยู่รอดจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เดือน "ไพรด์" ของใครหลายคน คือ การได้ไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆที่มีการตกแต่งด้วยธงสีรุ้งที่เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองของชาวสีรุ้ง หรือ "คนที่มีความหลากหลายทางเพศ" หนึ่งในสถานที่ที่เป็น Hotspot คือ สามย่าน มิตรทาวน์ ที่ใครหลายคนผ่านไปต้องแวะถ่ายภาพสัญลักษณ์ของชุมชน LGBTIQ+ จนอาจจะเผลอคิดไปว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ให้สิทธิเท่าเทียมสำหรับคนที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยไม่รู้ว่าไพรด์เกิดขึ้นมาจากการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิฯ และขจัดความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับกลุ่ม LGBTIQ+ ... การเฉลิมฉลองเป็นเรื่องสนุก และสร้างความสุข แต่การเฉลิมฉลองที่เกิดขึ้นไม่ควรลืมที่มา และจิตวิญญาณของ "ไพรด์" ที่เป็นจุดเริ่มต้น และเหตุผลที่ LGBTIQ+ ออกมาเฉลิมฉลอง
เดือนมิถุนายนจบลงเป็นการสิ้นสุดเดือนแห่ง "ไพรด์" อย่างเป็นทางการ พร้อมกับข่าวเศร้าที่ผู้เข้าประกวดที่ได้รับตำแหน่ง Miss Tiffany คนแรกของการประกวด ซึ่งจัดในปีพ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) เสียชีวิต อดคิดไม่ได้ว่า LGBTIQ+ จำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากอคติทางเพศ การเลือกปฏิบัติ และความรุนแรง โดยไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าการเสียชีวิตของคุณเอฟ ธนาภรณ์ วงศ์ประเสิร์ฐ เกิดขึ้นจากเหตุผลส่วนบุคคล แต่ถ้าเรามองกลับกันว่า คนที่เป็น LGBTIQ+ ได้รับการปฏิบัติจากคนอื่นด้วยความเคารพ ไม่เลือกปฏิบัติ มีสิทธิเท่าเทียมกับประชากรชายหญิง และมีบริการสุขภาพกาย ใจ และสังคมที่เข้าใจ เข้าถึงได้ และมีคุณภาพ ... จะทำให้คนที่เป็น LGBTIQ+ มีภูมิคุ้มกันทางสังคม มีโอกาสเข้าถึงความสุขได้อย่างเท่าเทียม และจัดการกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น จากความเข้าใจของคนรอบข้างในสังคม ที่รวมถึงสถาบันทางสังคมทุกสถาบัน
จะมีวันนั้นหรือไม่ ที่คนในชุมชน LGBTIQ+ จะสามารถเฉลิมฉลอง "ไพรด์" ทุก ๆ 365 วัน เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่ให้ความเท่าเทียมกับทุกคน โดยไม่ได้จำกัดว่าใครจะเป็น "เพศ" ใด หรือใครจะ "รัก" กับใคร
หรือเราต้องรอ "เดือนมิถุนายน" ของปีหน้า และปีต่อไป เพื่อหาเหตุผลที่เราจะออกมาเฉลิมฉลองพร้อมกับธงหลากสีอีกครั้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น